ประวัติความเป็นมา
เขียนโดย Super User-
หมวด: ข้อมูลพื้นฐาน
-
เผยแพร่เมื่อ: 20 เมษายน 2563
“องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเสียว” ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2539 ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้ประกาศพระราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2539 และใช้เป็นศูนย์กลางการพัฒนาในเขตตำบลบ้านเสียว
บ้านเสียวเป็นหมู่บ้านที่เก่าแก่ดั้งเดิมในเขตนี้ มีอายุประมาณ 200 ปี เป็นหมู่บ้านระดับตำบลมาโดยตลอดเป็นหมู่บ้านตั้งอยู่ในที่ราบสูง อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และสัตว์ป่านนาๆ ชนิดมีลำห้วย หนองบึงอยู่รอบหมู่บ้าน ซึ่งได้แก่ ลำห้วยคอกช้าง เป็นสายน้ำใหญ่ และมีห้วยวังโพธิ์เป็นลำห้วยน้อยเป็นสาขาไหลลงสู่ลำห้วยคอกช้าง และยังมีหนองน้อยใหญ่อยู่เรียงรอบได้แก่หนองผักหม (เดิมชื่อหนองพรานหม) หนองผักหนอก หนองสิม หนองนาใหญ่ หนองโอง ล้วนเป็นหนองน้ำที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่านานา ชนิด เช่นหมูป่า เก้ง กวาง อีเห็น ไก่ป่านกยุง นกยาง นกแขกเต้า นกเป็ด สัตว์บางอย่างในจำนวนนี้ลงเล่นน้ำเล่นเถื่อนเป็นฝูงๆ ยามพบค่ำ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชุมชนกลุ่มหนึ่งที่เดินทางมาหาปลาในหน้าแล้งที่ว่างงานแล้ว นำกองเกวียน 6 - 10 ลำมาจากจังหวัดร้อยเอ็ดเพื่อไปหาปลาที่ลำห้วยสงคราม (ใกล้บ้านท่าบ่อในปัจจุบัน) เพราะลำน้ำสงครามเป็นแหล่งที่มีปลาหลายชนิดจับง่ายได้คราวละมากๆ โดยการนำของนายพรานญาและนายพรานหมซึ่งเป็นลูกชาย การมาหากินปลาในคราวนั้นมากันเกวียนลำละ 1 ครอบครัว ใช้เวลาการเดินทางเป็นแรมเดือนค่ำไหนนอนนั้น เมื่อถึงที่หมายคือบ้านท่าบ่อก็จะตั้งค่ายที่ริมน้ำ มีการตกเบ็ดและขว้างแหหาปลาตั้งแต่เช้าจนค่ำได้มาก็ย่างทำส้มปลา ส้มขี้ปลา ปลาร้า เมื่อได้เพียงพอแล้วก็เดินทาง กลับร้อยเอ็ดตามเส้นทางเดิม
เมื่อพรานญา ตลอดจนลูกเมียและพักพวกที่มากินมาพบพื้นที่เป็นบ้านเสียวในปัจจุบันเป็นที่อุดมสมบูรณ์จึงปรึกษาหารือกันว่า หากเรามาตั้งบ้านอยู่ในที่แห่งนี้คงมีความสุขเพราะมีสัตว์ป่าแหล่งน้ำ ปูปลาอุดมสมบูรณ์จึงตกลงจะสร้างบ้านในถิ่นนี้แน่นอน เมื่อกลองเกวียนโดยการนำของนายพรานญาและนายพรานหมกลับถึงจังหวัดร้อยเอ็ดแล้วก็รวบรวมพักพวก 8 ครัวเรือน กลับมาสร้างบ้านในถิ่นนี้พร้อมทั้งจับจองที่ทำสวนไร่นา ตามที่ริมายหนองโดยมีพรานญาเป็นหัวหน้าคุ้มครองลูกหลาน นายพรานญาเป็นผู้มีความเก่งกล้าสามารถและมีนายพรานหมลูกชายเป็นรองหัวหน้าสร้างเรือนเหย้าตามพื้นที่ที่ตนเองจับจองมีจำนวนหลังคาเรือนครั้งแรก 8 ครัวเรือนต่างอยู่กันด้วยความผาสุกเวลาย่ำค่ำก่อนเวลาที่พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าจะมีเหล่านกกาสิงห์สาลาสัตว์ลงเล่นกินน้ำก่อนกลับสู่รวงรัง และในโอกาสนี้ก็ทำให้นายพรานหม ดักสุ่มยิงสัตว์เล่านั้นมาเป็นอาหารเป็นประจำทุกวันหนองน้ำนั้นคือหนองน้ำพรานหม นานเข้าภาษาเพี้ยนไปจึงกลายเป็นหนองผักหมมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยความอุดมสมบูรณ์ที่มีอยู่ทำให้คนที่เดินทางไปมาค้าขายมาพบเข้า ก็อยากมาอยู่ด้วยประกอบกับเป็นบ้านสร้างใหม่มีความต้องการเพื่อน จึงพุดคุยชักชวนมาอยู่ด้วยกันดังนั้น ชาวญ้อจากอำเภอท่าอุเทนจึงมาอยู่ด้วยจากภัยแล้งที่จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งแล้งติดต่อกันมาถึง 7 ปีทำให้อพยพหนีภัยแล้งบังเอิญชาวอุบลก็มาพบถิ่นนี้ ก็มาอยู่รวมกันอีกกลุ่มหนึ่ง
จึงทำให้หลังคาเรือนราษฎรในหมู่บ้านเพิ่มจำนวนมากขึ้นตามลำดับต่างก็อยู่ด้วยความสามัคคี มีน้ำใจต่างก็จับจองพื้นที่สวนไร่นาตามความต้องการ ในน้ำมีปลาในนามีข้าวเป็นอันว่าหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นก่อนหมูบ้านอื่นในถิ่นนี้ซึ่งเกิดมาจากคนสามเผ่าคือ
1.เผ่าลาว จากจังหวัดร้อยเอ็ด
2.เผ่าญ้อจาก อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
3.เผ่าลาว จากจังหวัดอุบลราชธานี
เป็นธรรมดาของหมู่บ้านสร้างใหม่ อะไรก็ต้องจัดทำ จัดหาในขณะนั้นนายพรานญาซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านก็ปรึกษาหารือกับพักพวกเพื่อนบ้านว่าบ้านเราไม่มีชื่อเรียกจะเรียกว่าอะไรดี ชาวบ้านเห็นว่าบ้านตนตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีต้นเสียวล้อมรอบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นตามรอบหนองคลองบึง จะมีป่าไม้เสียวเต็มไปหมดเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมจึงตั่งชื่อว่า “บ้านเสียว” ตั่งแต่นั้นมา นายพรานญาหัวหน้าหมู่บ้านก็ได้ปกครองคุ้มครอง หมู่บ้านด้วยความสุขตลอดมาเป็นเวลา 7 ปีก็ถึงแก่ความตายด้วยโรคไข้ป่า ชาวบ้านจึงให้นายพานหมเป็นหัวหน้าแทนผู้เป็นพ่อ เพราะนายพรานหมเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นพรานผู้มีความกล้าหารเด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง หมู่บ้านมีความสุขสมบูรณ์ เป็นหมู่บ้านใหญ่ในถิ่นนี้ เมื่อมีหมู่บ้านแล้วจำเป็นต้องมีอีกคือ วัด ดังนั้นชาวบ้านเห็นว่าเนินใกล้หมู่บ้านเป็นเนินสูงเหมาะสำรับสร้างวัดจึงคิดหาคนบวชเป็นเจ้าอาวาส ในช่วงนั้นมีนายเหลาเป็นพวกมาจากร้อยเอ็ดเป็นคนเก่าแก่รุ่นพรานญา เป็นผู้มีความเหมาะสมจึงขอร้องให้นายเหลาบวชเป็นเจ้าอาวาสและตั้งชื่อวัดว่า”วัดนาควิลัยแก้ว”
นายพรานหมหัวหน้าหมู่บ้านปกครองหมู่บ้านอยู่นาน 15 ปีก็ถึงแก่ความตาย นับว่าบ้านเสียวได้พัฒนาตามลำดับมีถนนหนทาง สวน ไร่ นา อย่างเป็นระบบและเป็นหมู่บ้านใหญ่กว่าทุกหมู่บ้าน ทางราชการให้ความสนใจและเข้ามาเกี่ยวข้องหลังจากที่นายพรานหมถึงแก่ความตาย เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาพบชาวบ้านเพื่อคัดเลือกผู้นำหมู่บ้าน คือผู้ใหญ่บ้าน และได้คัดเลือกนายมีเป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก และได้รับการแต่งตั้งเป็นกำนันมีศักดิ์เป็นขุนเรียกว่าขุนศรี ปกครองชาวบ้านได้ 9 ปีก็ถึงแก่ความตายทางราชการจึงได้เลือกผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ ได้นายทองเป็นผู้ใหญ่บ้าน
ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นกำนัน มีศักดิ์เป็นขุนเช่นกัน เรียกนายทองว่าขุนเสียวสรศักดิ์ โดยมีนายจารย์แก้ว บ้านดอนแดงเป็นผู้ช่วยต่อมาเกิดเรื่องฟ้องร้องกันขึ้น
นายทองก็ลาออก ทางราชการจึงให้ชาวบ้านเลือกผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ ให้นายจารย์แก้วได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อมาเป็นกำนันเรียกว่าขุนเสียว สารกิจ
ต่อมาทางราชการเห็นสมควรปรับปรุงการปกครองเสียใหม่เพื่อความสะดวก โดยแบ่งการปกครองออกเป็นมณฑล บ้านเสียวขึ้นต่อมณฑลอุดรและได้คัดเลือกผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ของบ้านเสียวได้นายจันทร์ประเทพ ผติโยพันธ์ เป็นผู้ใหญ่บ้านขึ้นต่ออำเภอท่าอุเทน นายจันทร์ประเทพเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ 8 ปี ก็ถึงแก่ความตายชาวบ้านจึงคัดเลือกใหม่ ได้นายชัยสาร นามตาแสง เป็นผู้ใหญ่บ้านขึ้นต่ออำเภอท่าอุเทนเหมือนเดิม นายชัยสาร นามตาแสง เป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ได้ 7 ปีก็ถึงแก่กรรม ชาวบ้านจึงเลือกนายบุญ คำชนะ ขึ้นเป็นผู้ใหญ่บ้านแทนและขึ้นต่ออำเภอท่าอุเทน นายบุญ คำชนะเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ได้ 9 ปีก็เกษียณอายุ ชาวบ้านจึงเลือกนายทอก ทันบุญ เป็นผู้ใหญ่บ้าน ในช่วงนั้นทางราชการได้ปรับปรุงการปกครองใหม่ โอนบ้านเสียวขึ้นต่อกิ่งยาวศรีเวินชัย นายทอกเป็นผู้ใหญ่บ้านได้ 15 ปีถูกฟ้องร้องก็ลาออก
ชาวบ้านจึงได้เลือกผู้ใหญ่บ้านใหม่ได้ นายรถ คำชนะ เป็นผู้ใหญ่บ้านทางราชการได้ปรับปรุงการปกครองท้องที่ใหม่ โอนบ้านเสียวขึ้นต่อกิ่งท่าบ่อศรีสงคราม นายรด เป็นผู้ใหญ่บ้านได้ 9 ปีถูกฟ้องก็ลาออก ชาวบ้านเสียวจึงเลือก นายจันทา นามตาแสง เป็นผู้ใหญ่บ้านได้ 7 ปีก็ลาออก แล้วจึงเลือกนายจี แสงไผ่แดงเป็นผู้ใหญ่บ้านขึ้นตรงต่ออำเภอศรีสงคราม นายจีเป็นผู้ใหญ่บ้านได้ 6 ปี ถูกฟ้องร้องก็ลาออก ชาวบ้านจึงเลือก นายดวงศรี คำชนะ เป็นผู้ใหญ่บ้าน และต่อมาได้เป็นกำนันขึ้นต่อกิ่งอำเภอนาหว้าจนถึง พ.ศ. 2517 ทางราชการจึงแยกบ้านเสียวออกเป็น 2 หมู่ คือ หมู่ 3 นายดวงศรีเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 นายเพชร ทันบุญ เป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อมาปี
พ.ศ.2549 ทางราชการ จึงแยกบ้านเสียว หมู่ที่ 6 คือ หมู่ 10 มีนายเคลือบ ทันบุญ เป็นผู้ใหญ่บ้าน
ตราสัญลักษณ์ องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเสียว
-
ฮิต: 2676